จากกรณีเหตุการณ์ 4 มี.ค. ที่กลุ่มกะเทยไทย รวมตัวกันที่บริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง สุขุมวิท ซอย 11 เพื่อรอปะทะกับกะเทยฟิลิปปินส์ จนถูกเรียกว่าเป็นเหตุการณ์ “วันกะเทยผ่านศึก” และมีการตั้งคำถามการเดินทางเข้ามายังประเทศไทยของกะเทยฟิลิปปินส์ นั้น
วันนี้ 6 มี.ค.67 นายพงศ์พรหม ยามะรัต อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวผ่านรายการเปิดโต๊ะข่าวว่า พื้นที่บริเวณสุขุมวิทซอย 5 ยาวไปจนถึงสุขุมวิทซอย 13เป็นพื้นที่ของฝั่งกะเทยต่างชาติ
ยันไม่มี “มาเฟียกะเทย” สั่งสอบปมกะเทยฟิลิปปินส์เข้าไทย
แฉลากไส้! แก๊งกะเทยฟิลิปปินส์ มี “แม่แท็ค” คุมซอยสุขุมวิท 11
Highlight | เปิดโต๊ะข่าว | ชนวนเหตุ! ศึกศักดิ์ศรีกะเทย “ไทย VS ปินส์” ตบเดือดสุขุมวิท11
นายพงศ์พรหม เปิดเผยว่า นอกจากฟิลิปปินส์ยังมีกะเทยจากหลายประเทศทั้งตะวันออกกลาง ไนจีเรีย จอร์เจีย และรัสเซีย อาศัยอยู่ที่นั่นและพื้นที่แถบนั้นยังสามารถทะลุหาซอยนานาได้ ส่วนตัวไม่อยากให้มองเป็นแค่เรื่องปัญหาของกะเทย แต่อยากให้มองเป็นเรื่องของการขัดผลประโยชน์กัน
ฟังจากปากกะเทยต้นเรื่อง! เกิดอะไรขึ้นก่อนกลายเป็นวันกะเทยผ่านศึก
โดยก่อนจะเกิดเหตุกะเทยตบกันใน “วันกะเทยผ่านศึก” ได้มีการเริ่มกวาดล้างพื้นที่บริเวณสุขุมวิทไปบ้างแล้ว เนื่องจากเมื่อช่วง 3 สัปดาห์ก่อน เกิดกรณีของ “แก๊งค้ายาไนจีเรีย” ค้ายาเสพติดที่บริเวณบันไดของสถานีรถไฟฟ้านานา จนกลายเป็นข่าวดังขึ้นมา ทำให้มีหน่วยงานอื่นได้เข้ามาจัดการ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ประชาชนจะทำเรื่องร้องเรียนไปบ้างแล้ว แต่ทางตำรวจท้องที่ยังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นในสิ่งที่เกิดขึ้น
นายพงศ์พรหม เปิดเผยอีกว่า พื้นที่สุขุมวิทโดยเฉพาะซอยสุขุมวิท 13 มีคาเฟ่ชื่อดังแห่งหนึ่ง ทำการค้าบริการช่วงกลางคืนอย่างโจ่งแจ้ง พบผู้หญิงมากกว่า 100 คนมารวมตัวกันอยู่ที่นั่นพร้อมกับมาเฟียที่ยืนคุมประจำถิ่นอยู่ ส่วนแถวนานาก็มีการค้าบริการเช่นกัน ซึ่งการค้าบริการเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว และในสมัยที่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ยังดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. นั้น ได้มีการกวาดล้างมาเฟียครั้งใหญ่ไปรอบหนึ่งแล้ว เมื่อหมดยุคของผู้ว่าฯ อัศวิน มาเฟียคุมถิ่นและการค้าบริการก็กลับมาอีกครั้งและมีการทำแบบเปิดเผยโจ่งแจ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ
นายพงศ์พรหม เผยอีกว่า นอกจากเรื่องของกะเทยและการค้าบริการแล้ว ยังมีเรื่องของมาเฟียคุมถิ่นเก็บส่วยแท็กซี่-ตุ๊กตุ๊กอยู่ในพื้นที่ของซอยสุขุวิท ฝั่งซอยเลขคี่เริ่มตั้งแต่สุขุมวิทซอย 3 – สุขุมวิทซอย 17 อีกด้วย มีการเรียกเก็บจ่ายค่าจอดรายเดือน หากประชาชนคนไหนเผลอเข้าไปจอด จะโดนตำรวจเข้าไปล็อกล้อทันที ส่วนแท็กซี่ หรือ ตุ๊กตุ๊กคันไหนที่จ่ายค่าจอดแล้วจะสามารถจอดต่อได้แบบไม่มีปัญหาอะไร
ส่งผลให้ถนนเส้นสุขุมวิทประสบมีปัญหารถติดอย่างต่อเนื่อง ผลจากการที่เลนถนนหายไป 1 เลนเต็ม ๆ เพราะมีรถมาจอด นอกจากนั้นยังพบว่า บรรดารถแท็กซี่-รถตุ๊กตุ๊กแถบนั้น มีการเรียกเก็บค่าโดยสารนักท่องเที่ยวชาวไทยในราคาสูงลิ่ว เช่น ระยะทางจากนานาไปอโศกเรียกเก็บถึง 200 บาท ผลมาจากต้นทุนที่สูงจากการบังคับเก็บส่วย ถือว่าหากจ่ายเงินแล้วจะทำอะไรแย่ ๆ โก่งราคาเท่าไหร่ก็ได้ เพราะอย่างไรก็ไม่โดนตำรวจจับ
ส่วนในย่านสุขุมวิทนอกจากจะมีปัญหาดังกล่าว ยังพบร้านเหล้าที่เปิดเกินเวลา และร้านกัญชาที่ไม่มีใบอนุญาตเปิดขายอีกจำนวนมาก ซึ่งมีประชาชนร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่เขตถึงปัญหาที่เกิดขึ้นไปบ้างแล้ว แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้เพราะทั้งร้านเหล้าและร้านกัญชาฮั้วกันกับทางเขต ประชาชนจะร้องเรียนไปเท่าไหร่ทางตำรวจก็ตามมาจับไม่ได้อยู่ดี นายพงศ์พรหม กล่าวว่า กรณีกะเทยตบกันบริเวณซอยสุขุมวิท11 ตนมองว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์และเป็นการปะทะกันของคนทำธุรกิจสีเทา กะเทยทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็โดนเก็บส่วยเหมือนกันทั้งสิ้น และยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ทำไมในสมัยพล.อ.ประยุทธ เป็นนายกฯ ปัญหาเหล่านี้ถึงเคยหายไปได้
นายพงศ์พรหม ยังมองว่า มาเฟียสามารถมีอยู่ได้ แต่ควรมีในพื้นที่จำกัดของตนเองเท่านั้น ไม่ใช่ทำตัวเป็นมาเฟียแบบโจ่งแจ้งแบบเช่นในปัจจุบันนี้ และประเด็นของปัญหาทั้งหมดที่เกิดบริเวณสุขุมวิท-นานา ล้วนมาจากการเก็บส่วยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถแท็กซี่-รถตุ๊กตุ๊กที่จะทำอะไรก็ได้แบบไม่ต้องกลัวใคร เรื่องการเปิดร้านเหล้าเกินเวลาเปิดร้านกัญชาแบบไม่มีใบอนุญาต รวมไปถึงเรื่องของปัญหากะเทยและการค้าบริการอย่างโจ่งแจ้งด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ตนเองยังได้ทราบข้อมูลมาว่า หน่วยงานต่างๆที่ทำการเก็บส่วย จะได้เงินจุดละ100,000 – 300,000 บาทต่อเดือน
ร้อนตับแตก! 5-6 มี.ค.นี้ ดัชนีความร้อน พุ่งสูงทะลุ 48-51 องศา คำพูดจาก เกมสล็อตมาใหม่
iOS 17.4 เปิดอัปเดตแล้ว มาพร้อมอิโมจิ-ฟีเจอร์ใหม่เพียบ!
แฉลากไส้! แก๊งกะเทยฟิลิปปินส์ มี “แม่แท็ค” คุมซอยสุขุมวิท 11