ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นไทเทเนียม พลัส 4×4 ที่ทาง “เดลินิวส์” นำมาทดลองขับในอาทิตย์นี้จะเป็นรถแบบ พีพีวี รุ่นท็อปที่ออกแบบมาเพื่อมอบความสะดวกสบายในการขับขี่และมีสมรรถนะที่เหนือชั้นทั้งบนเส้นทางเรียบและเส้นทางออฟโรดด้วยพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางติดตั้งเบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ที่มีตัวเลือกโหมดการขับขี่สูงสุดมากถึง 6 โหมด ปัจจุบันเอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่มีจำหน่ายทั้งหมด 4 รุ่น ราคาระหว่าง 1.464-1.854 ล้านบาท โดยฟอร์ดได้ปรับมิติของ
เจเนอเรชันใหม่ให้มีความยาวของแชสซีที่มากกว่าเดิม 50 มม. ขยายของฐานล้อให้กว้างขึ้น 50 มม. ทำให้ส่วนหน้าและท้ายรถสั้นลง ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 227 มมคำพูดจาก ทดลองปั่นสล็อต. ลุยน้ำได้ลึก 80 ซม. ส่งผลให้การควบคุมรถและสมรรถนะในการขับขี่ดีขึ้น ทั้งบนทางเรียบและออฟโรด
รูปลักษณ์ภายนอกออกแบบในส่วนหน้าที่คล้าย ๆ กับแร็พเตอร์และเรนเจอร์ ด้วยการติดตั้งชุดไฟเดย์ไลท์แบบแอลอีดี รูป C-Clamp ไฟหน้าเป็นแบบแม็ททริก แอลอีดี ที่ปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติกับระบบป้องกันไฟแยงตา มีไฟส่องทางขณะเลี้ยวเข้าโค้ง และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ชุดกระจังเน้นความหรูหราด้วยโครเมียมในหลาย ๆ จุด กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถตกแต่งเพิ่มคิ้วสีเงินและมีไฟตัดหมอกแบบแอลอีดี พร้อมเรดาร์ระบบป้องกันการชนด้านหน้ากับเซ็นเซอร์เตือนสิ่งกีดขวางด้านหน้าแบบ 6 จุด ใต้ห้องเครื่องเสริมแผ่นป้องกันอ่างน้ำมันกระแทกหินมาให้ด้วยแต่เสียดายที่เป็นพลาสติกไม่เป็นแผ่นโลหะเหมือนของแร็พเตอร์
ด้านข้างของตัวรถการออกแบบเส้นสายโดยรอบดูสมส่วนลงตัว พร้อมทั้งติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งและอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อาทิ บันไดข้างยาวตลอดแนวประตู หน้าหลังมีคิ้วบังโคลนล้อสีดำทั้ง 4 ด้าน ทำให้ดูแข็งแกร่งบึกบึนขึ้นและใช้งานได้อย่างมีประโยชน์ล้ออัลลอยใช้ขนาด 20 นิ้วสีทูโทนเงินตัดดำ รีโมตกุญแจรถและระบบล็อกประตูเป็นแบบคีย์เลส นอกจากนี้ยังใช้ฟังก์ชันล็อก-ปลดล็อก และสตาร์ตรถจากระยะไกลผ่านแอพพลิเคชั่น Ford Pass Connect บนโทรศัพท์มือถือ กระจกมองข้างขนาดใหญ่มากให้มุมมองที่กว้างขวางปรับและพับได้ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมติดตั้งไฟเลี้ยวไว้ที่ส่วนปลายและยังมีไปส่องพื้นให้ด้วย กระจกหน้าต่างเป็นขึ้นลงอัตโนมัติทั้ง 4 บานพร้อมระบบป้องกันถูกหนีบ ส่วนบนหลังคาติดตั้งราวยึดของที่รับน้ำหนักได้สูงสุด 350 กกคำพูดจาก ทดลองสล็อต pg. ขณะจอดและ 100 กก.
ขณะวิ่ง กับหลังคากระจกแบบพาโนรามิก มูนรูฟยาวตลอดแนวห้องโดยสารหน้าหลัง ให้มุมมองท้องฟ้าที่กว้างมาก ๆ เสาอากาศแบบครีบปลาฉลามและเสาอากาศในตัวเดียวกัน ฝาท้ายด้านบนติดสปอยเลอร์พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 กระจกบังลมหลังมีไล่ฝ้าพร้อมใบปัดน้ำฝน ชุดไฟท้ายแบบแอลอีดี ซิกเนเจอร์ ทรงเรียวยาวช่วยเน้นความกว้างท้ายรถและติดไฟตัดหมอกหลังที่กันชนมาให้ด้วยทั้งสองข้าง สำหรับการเปิด-ปิดฝาท้ายทำได้ 4 วิธี ทั้งจากกุญแจรีโมต จากสวิตช์ตรงแผ่นป้ายทะเบียนหลัง จากสวิตช์ในห้องโดยสาร และระบบ Hand-free โดยการยื่นเท้าเข้าไปใต้กันชนหลัง ก็ทำได้เช่นกันใต้พื้นห้องเก็บสัมภาระเป็นที่เก็บแม่แรงยกรถ เครื่องมือประจำรถและมียางอะไหล่
ภายในห้องโดยสารรุ่นไทเทเนียมพลัส 4×4 นั้นจุดที่น่าประทับใจก็จะคล้าย ๆ กับตอนที่ลองขับฟอร์ดเรนเจอร์ ไวลด์แทรค คือมีประตูทั้ง 4 บานที่เปิดได้มุมกว้างมากช่วยให้การเข้าออกทำได้ง่าย สำหรับการออกแบบชุดแผงหน้าปัดดูหรูหราและล้ำสมัยตามราคาสูงขึ้น ด้วยการเสริมวัสดุลายไม้และบุหนังสีดำ สำหรับระบบเชื่อมต่อการสื่อสารของรุ่นไทเทเนียมพลัส 4×4 ถูกสั่งงานผ่านหน้าจอแบบสัมผัสแนวตั้งขนาด 12 นิ้วที่เชื่อมกับกล้อง 360 องศา รวมถึงระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A® ซึ่งเป็นระบบความบันเทิงรุ่นล่าสุดของฟอร์ด
แผงหน้าปัดความละเอียดสูงขนาด 12.4 นิ้ว แสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับรถได้อย่างหลากหลายเต็มรูปแบบ แต่ถ้าไม่ชอบการตกแต่งภายในสีดำก็สามารถเพิ่มเงินอีก 12,000 บาท เพื่อเปลี่ยนสีหนังบุคอนโซลกลาง เบาะนั่ง แผงข้างประตู เป็นสีครีมพราลีน การจัดวางเบาะนั่งแบบ 3 แถวรองรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่ง เฉพาะเบาะนั่งด้านคนขับปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า 10 ทิศทาง เบาะคู่หน้ามีรูปทรงของพนักพิงที่กระชับลำตัว และเบาะรองนั่งกว้างให้ความรู้สึกสบายยามขับทางไกลจึงนั่งได้นาน ๆ โดยไม่เมื่อย
สำหรับทัศนวิสัยของคนขับมีมุมมองโดยรอบกว้าง ประกอบกับตัวรถที่อยู่สูงจึงช่วยให้มองได้ไกลกว่ารถเก๋ง ส่วนการตอบสนองของพวงมาลัยไฟฟ้ารุ่นนี้มีความแม่นยำและน้ำหนักเบาสบายที่ความเร็วต่ำ และมั่นคงดีมากเมื่อใช้ความเร็วสูง ๆ การออกแบบปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศและเครื่องเสียงที่ด้านล่างของจอกลางอยู่ในระยะที่ใช้งานได้อย่างสะดวก เรื่องการเก็บเสียงที่ความเร็วต่ำกว่า 120 กม./ชม. ถือว่าทำได้ดีมากแต่ความเร็วสูงกว่านี้จะได้ยินเสียงลมปะทะกับกระจกมองข้างขนาดใหญ่ดังขึ้น
ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 2 ซึ่งนั่งได้ 3 คน มีช่องต่อตัวเบาะปรับเลื่อนเดินหน้าและถอยหลังได้ช่วยให้มีพื้นที่วางขาที่กว้างขวาง พนักพิงหลังมีที่เท้าแขนกลางและแยกพับเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้มากขึ้น แต่ข้อเสียของเบาะแถวที่ 2 นี้อยู่ที่ไม่สามารถปรับยกเบาะรองนั่งขึ้นอีกจังหวะได้ ทำให้การเข้าออกจากห้องโดยสารแถวที่ 3 ยากไปหน่อย แต่เบาะนั่งแถวที่ 3 แยกพับด้วยระบบไฟฟ้า และมีลักษณะที่พับราบกับพื้นห้องโดยสารได้ ช่วยให้การเก็บสัมภาระที่มีขนาดใหญ่ได้ดีสบายและบนหลังคายังมีช่องลมสำหรับกระจายความเย็นทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร
ส่วนเครื่องยนต์แบบดีเซลขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบคู่ ให้พละกำลัง 210 แรงม้า กับแรงบิด 500 นิวตัน-เมตร ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบไฟฟ้าหรือ E-Shifter สามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์แบบธรรมดาได้ผ่านปุ่มกดที่หัวเกียร์ ระบบขับเคลื่อนเลือกได้ทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ระบบขับ 4 ล้อ และระบบขับ 4 ล้อความเร็วต่ำ ส่วนโหมดการขับขี่ก็มีให้เลือกได้มากถึง 6 โหมด ประกอบด้วย โหมดปกติ โหมดประหยัด โหมดลากจูง และบรรทุก โหมดทางลื่น โหมดโคลน/ร่อง และโหมดทราย นอกจากนี้ยังติดตั้งชุดดิฟล็อกหลังไฟฟ้าได้กับระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันมาให้ด้วย
ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแบบอิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบคอยล์สปริงพร้อมวัตต์ลิงก์และเหล็กกันโคลงระบบบเบรกแบบดิสก์ทั้ง 4 ล้อ โดยรวมจุดที่น่าประทับใจที่สุดรุ่น ไทเทเนียมพลัส 4×4 ก็คือมีห้องโดยสารที่กว้างขวางหรูหรา มาตรฐานความปลอดภัยที่เพียบพร้อม ระบบช่วงล่างนิ่มนวลนั่งสบายและพละกำลังของเครื่องยนต์ที่ตอบสนองช่วงเร่งออกตัวและเร่งแซงได้ดังใจ กินน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 11 กม./ลิตร น่าจะถูกใจคนรักรถตรวจการณ์คันโตหน้าตาเท่ ๆ ที่ตอบสนองได้ทั้งการใช้งานในเมืองใหญ่ และการท่องเที่ยวบนถนนทุกรูปแบบในวันหยุด.